The Lifestyle of the Samurai and their Lords
เขต Naga-machi Buke Yashiki
ย่านบ้านซามูไรใจกลางเมืองคานาซาวะที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ได้อย่างน่าทึ่ง
คานาซาวะเป็นเมืองศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการปกครองของเขตคะงะ(จังหวัดอิชิคะวะในยุคศักดินา) สมัยเอโดะ คานาซาวะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชากรเพิ่มขึ้นจนมีมากกว่า 100,000 คน ถือเป็นหนึ่งในเมืองปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคศักดินา จำนวนประชากรของเมืองเทียบได้กับกรุงโรมและมาดริดในสมัยนั้น
ใจกลางเมือง มีปราสาท ออกแบบโดยคำนึงถึงด้านการป้องกันเมืองและด้านเศรษฐกิจ โดยพื้นฐานให้ชนชั้นสูงอาศัยอยู่ใกล้กับผู้ปกครองที่ดิน(ไดเมียว) และให้คนทั่วไปอาศัยอยู่แถบชานเมือง
เขตนางามะชิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เป็นแหล่งที่พักอาศัยของซามูไรชั้นกลางและชั้นสูง บางครั้งจึงเรียกว่าเป็นย่านบ้านซามูไร นางามะชิ ตามตัวอักษร หมายถึง "เมืองที่มีขนาดยาว" อย่างไรก็ดี ชื่อนี้น่าจะมาจากนามสกุลของตระกูลท้องถิ่นชื่อ "โช" หมายถึงยาว ตัวอักษร "โช" นี้สามารถอ่านว่า "นางา" ได้เช่นเดียวกัน
เขตนางามะชิ เป็นย่านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในแง่ที่ยังคงรักษาสภาพในอดีตไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเกิดระเบิดทำให้เกิดเพลิงใหม้เป็นวงกว้าง เมืองใหญ่อย่าง โตเกียว โอซาก้าได้รับความเสียหาย แต่ย่านนางามะชิสามารถรอดพ้นจากเพลิงไหม้นั้นมาได้ ทำให้ยังคงสภาพบ้านเมืองสมัยเอโดะเอาไว้ได้อย่างมาก เช่น ทางเดินแคบๆ ระบบการระบายน้ำและการส่งน้ำในเมือง บ้านพักซามูไรในพื้นที่ยังได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกด้วย
ปัจจุบัน บ้านจำนวนมากยังคงกำแพงดิน(สึชิ คะเบะ)เอาไว้ ในฤดูหนาวเอาแผงฟางข้าวเข้ามาคลุมไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กำแพงเย็นจนแข็งตัวและแตกได้ เขตนางามะชิยังคงบรรยากาศบ้านเมืองสมัยสมัยเอโดะเอาไว้ เวลาคุณเดินเที่ยวย่านนี้ คุณจะได้สัมผัสมรดกทางประวัติศาสตร์ของคานาซาวะและของญี่ปุ่นไปด้วย
ที่พักของตระกูล Samurai Nomura
ซากปรักหักพังของตระกูล Nomura ก็เปิดสู่สาธารณะ ตระกูลมีการบริหารสืบเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายใต้การปกครองของตระกูล Maeda เพดานในบ้านทั้งหมดทำจากต้น Cypress ญี่ปุ่น และ Fusuma-e (ภาพวาดบนแผงประตูเลื่อน) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจิตรกรประจำของตระกูล Maeda ภายในสวนมีต้น Bayberry ญี่ปุ่นอายุกว่า 400 ปี และลำธารคดเคี้ยว รอบล้อมด้วยหินโบราณรูปร่างประหลาด
ซากปรักหักพังตระกูล Takada
ประตู Nagayamon (ประตูรั้วบ้าน) ของบ้าน Takada ตระกูล Samurai ชนชั้นกลาง ได้เปิดสู่สาธารณะตั้งแต่ได้รับการบูรณะ
ประตู Nagayamon ประกอบด้วยห้องคนรับใช้และคอกม้า ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่า Samurai ชนชั้นกลางและคนรับใช้ของพวกเขาในช่วงเวลานั้น สวนมีสระน้ำสไตล์รอบล้อมสระด้วยน้ำที่นำมาจากคลอง Onosho เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ยังคงเหลืออยู่
พิพิธภัณฑ์ Ashigaru Shiryokan
สำรวจสภาพวิถีชีวิตของซามูไรชั้นล่าง
อะชิกะรุ แปลตามตัวอักษรได้ว่า "เท้าเบา" เป็นทหารเดินเท้าที่คอยรับใช้ซามูไร ในสมัยเอโดะ(ค.ศ.1603-1868) ทหารเดินเท้าเหล่านี้เป็นชนชั้นล่างสุดในระบบชนชั้นซามูไร ที่คานาซาวะมีบ้านพักของอะชิกะรุจำนวนมากที่ยังคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างดี โดยทั่วไปแล้วทหารอะชิกะรุจะอาศัยในบ้านที่เรียงติดๆกันเรียกว่า "นางายะ(ตึกแถว)" อย่างไรก็ดี เนื่องจากเมืองคานาซาวะมีฐานะร่ำรวย ทหารอะชิกะรุจึงได้อาศัยในบ้านที่มีสวนด้วย ปัจจุบัน ที่พิพิธภัณฑ์อะชิกะรุเมืองคานาซาวะได้จัดแสดงบ้านของอะชิกะรุไว้ 2 หลัง ได้แก่บ้านของตระกูลทะคะนิชิและตระกูลชิมิสึ หากคุณมาเยี่ยมชมบ้านทั้งสอง จะได้เห็นสภาพการใช้ชีวิตของอะชิกะรุในสมัยนั้นได้
ศาลเจ้า Oyama Jinja
ศาลเจ้าสำหรับสักการะ Maeda Toshiie ถูกย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันในปี 1873 ประตูหลักมีลักษณะผสมผสานอย่างประหลาดของส่วนประกอบสถาปัตยกรรมทางศาสนาแบบพื้นเมืองของญี่ปุ่น จีน และยุโรป ประตูบานนี้ถูกยกให้เป็นสิ่งสำคัญที่แสดงถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่น สร้างเสร็จในปี 1875 จุดเด่นอย่างหนึ่งของศาลเจ้า Oyama คือสวนล้อมรอบบ่อน้ำ พร้อมด้วยเกาะและสะพานที่สร้างขึ้นในรูปแบบของเครื่องดนตรี เช่น biwa (เครื่องดนตรีของญี่ปุ่นลักษณะคล้ายกีต้าร์คอสั้นและมีเฟร็ต)
สวนปราสาท Kanazawa
หนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของคานาซาวะ
ปราสาทคานาซาวะในอดีตเป็นที่พำนักของตระกูลมะเอดะ ผู้ปกครองเขตคะงะ(อิชิคะวะ โทยามะ ในปัจจุบัน) มาเป็นเวลากว่า 280 ปี ปราสาทคานาซาวะถือเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง
ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน หลายส่วนของปราสาทคานาซาวะ อาทิ ตัวหอปราสาทเดิม ได้ถูกทำลายเสียหายจากเพลิงไหม้ใหญ่ 2 ครั้ง และหลายส่วนได้ทำการสร้างขึ้นใหม่ ส่วนของปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด มี 2 ส่วนได้แก่ ประตูอิชิคะวะมง สร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1788 และซังจิกเคน นะงะยะ สร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1858 ทั้งสองที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
สมัยที่ตระกูลมะเอดะปกครองเมือง ปราสาทคานาซาวะล้อมรอบด้วยคูเมือง ที่กำแพงด้านนอกเจาะรูไว้สำหรับสอดปืนไฟ ทำหน้าที่เป็นป้อมช่วยป้องกันภัยจากศัตรูที่จะเข้ามารุกราน กระเบื้องขาวสวยงามที่ใช้ประดับหลังคาทำมาจากตะกั่วที่ผ่านลมและฝนมา ส่วนกำแพงโบกปูนสีขาวและติดกระเบื้องแบนเอาไว้ กำแพงหินตามจุดต่างๆ ของปราสาทมีหลากหลายชนิด เป็นหลักฐานชี้ว่ากำแพงแต่ละส่วนสร้างต่างช่วงเวลากัน กำแพงหินส่วนที่เก่าแก่ที่สุดพบว่าสร้างขึ้นมาแล้วกว่า 400 ปี
ปราสาทคานาซาวะและอุทยานปราสาทก่อนบูรณะ ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งฐานกำลังกองทัพบกของญี่ปุ่น ที่ตั้งวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยคานาซาวะ ในปีค.ศ.2008 ได้กำหนดให้เป็นเขตประวัติศาสตร์แห่งชาติ
ฮิชิ ยะกุระ, โกะจิกเคน นะงะยะ และฮะชิสึเมะมง ซึสุกิ ยะกุระ (ป้อมและโรงเก็บของ)
ทั้ง 3 อาคารสร้างขึ้นใหม่โดยจำลองสภาพเดิมเมื่อ 125 กว่าปีก่อน ฮิชิ ยะกุระสร้างเป็นหอทรงเพชร โกะจิกเคน นะงะยะ เป็นโรงเก็บของยาว 80 เมตรและฮะชิสึเมะมง ซึสุกิ ยะกุระ เป็นหอที่ออกแบบเพื่อปกป้องประตูที่อยู่ใกล้เคียง ตัวอาคารสร้างตามวิธีแบบดั้งเดิมสะท้อนภาพในอดีตของคานาซาวะ
สวนเกียวคุเซ็นอินมารุ
เมื่อปีค.ศ.1634 ผู้ปกครองที่ดินลำดับที่ 3 ตระกูลมะเอดะเริ่มก่อสร้างสวนแห่งนี้ แม้ว่าปลายยุคศักดินาสวนจะถูกทำลาย แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ. 2015 หากคุณมาเที่ยวสวนแห่งนี้ช่วงหลังพระอาทิตย์ตก คุณจะได้ชื่นชมการประดับไฟอันน่าประทับใจ