สำหรับผู้เข้าชมครั้งแรก
โปรดดูข้อมูลวิธีเข้าถึงคานาซาว่าจากโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ทาคายามะ และชิราคาวะโกะด้านล่าง
การเดินทางไปยังคานาซาวะ: https://visitkanazawa.jp/th/getting-to-kanazawa
สถานี Kanazawa
สถานี Kanazawa คือสถานีหลักของรถไฟ JR West ตั้งอยู่ที่ Kanazawa มีการบูรณะพื้นที่โดยรอบเพื่อขยายเส้นทางรถไฟ Hokuriku Shinkansen (รถไฟสายด่วนพิเศษ) มาถึง Kanazawa ในเดือนมีนาคม 2015 มีโดมแก้วเรียกว่า Motenashi Dome (ยินดีต้อนรับ) ที่ประตูทางเข้าทิศตะวันออกของสถานี Kanazawa ซึ่งลักษณะเหมือนร่มขนาดใหญ่ โดมแห่งนี้มีประตูไม้เรียกว่า Tsuzumi-mon ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดนตรีพื้นบ้านญี่ปุ่นเรียกว่า tsuzumi (กลองขนาดเล็ก) ส่วนที่อยู่ใต้ดินของโดมคือส่วนให้บริการข้อมูลและพื้นที่จัดงานต่างๆ ในปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นย่านการค้าที่คึกคักและมีการก่อสร้างร้านค้าขนาดใหญ่
ตลาด Omi-cho
เที่ยวตลาดปลาขึ้นชื่อที่สุดของคานาซาวะ
ตลาดโอมิโจสร้างขึ้นสมัยเอโดะ มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมการรับประทานของคานาซาวะมากว่า 300 ปี
ตลาดของทะเลที่นี่ มีร้านรวงมากกว่า 170 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายของทะเลที่จับได้สดๆ จากทะเลญี่ปุ่น ร้านผักผลไม้ที่จำหน่ายของที่มีเฉพาะในพื้นที่ ร้านผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ร้านเสื้อผ้า ร้านขายของชำ และร้านอาหาร
ของขึ้นชื่อเป็นพิเศษ ได้แก่ ปู ปลาหางเหลือง และกุ้งจากทะเลญี่ปุ่น จำหน่ายช่วงเดือนพฤศจิกายน ช่วงนี้ของทุกปีที่ตลาดจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นที่มาจับจ่ายกัน
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของตลาดแห่งนี้คือ โอมิโจ อิชิบะคัง ตัวอาคารมีการปรับปรุงใหม่ ด้านในมีร้านอาหารและร้านค้ายอดนิยมเรียงรายกันอยู่ หากคุณมาที่ตลาด คุณไม่ควรพลาดมาเที่ยวที่นี่ด้วย
เขตร้านน้ำชา Higashi Chaya
สำรวจหนึ่งในย่านเกอิชาที่ใหญ่ที่สุดในคานาซาวะ
ตามวัฒนธรรมญี่ปุ่น สำนักเกอิชาเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงและกิจกรรมให้ความบันเทิงที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ สำนักเกอิชามีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชายะ(โรงน้ำชา)" ที่นี่มีเกอิชาคอยให้ความบันเทิงแก่ชนชั้นสูงที่ร่ำรวยและพ่อค้าที่มั่งคั่ง เกอิชาเป็นคำใ้ช้เรียกผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่ให้ความบันเทิงด้วยการร่ายรำและเล่นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นโบราณ
ในอดีตสำนักเกอิชาจำนวนมากตั้งอยู่ใจกลางเมืองคานาซาวะ แต่ปีค.ศ.1820ได้ย้ายไปยังเขตที่อยู่ห่างออกไป 3 เขตด้วยกัน ย่านสำนักเกอิชาที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดได้แก่ย่านฮิงาชิชายะ
อาคารของสำนักเกอิชาที่ย่านฮิงาชิชายะ ภายนอกมีลักษณะตามแบบดั้งเดิมที่น่าทึ่ง ด้านนอกชั้น1 ติดตั้งแผงไม้งดงามเรียกว่า "คิมุสุโกะ" ที่ชั้น2 มีห้องแบบญี่ปุ่นใช้รับแขก ในสมัยเอโดะมีกฎห้ามสร้างอาคาร 2 ชั้น ยกเว้นให้เฉพาะสำนักเกอิชา นี่ยิ่งทำให้อาคารของสำนักเกอิชาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ย่านสำนักเกอิชาที่มีมาแต่ในอดีตนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม เช่นเดียวกับย่านกิอนที่เกียวโตและคะสึเอะ มะชิที่คานาซาวะ ย่านสำนักเกอิชาที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมมีเพียงย่านฮิงะชิ ชายะที่เดียว ทำให้ย่านนี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
ย่านนี้มีสำนักเกอิชาที่สร้างขึ้นเมื่อเกือบ 200 ปีก่อน เปิดให้เข้าชมด้านในได้ นอกจากนี้ยังมีอาคารเก่าปรับปรุงใหม่ให้เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านจำหน่ายของที่ะลึก จากย่านนี้เดินเท้าไปเพียง 3 นาที จะถึงริมแม่น้ำอะซาโนะกาวะ เป็นพื้นที่เหมาะมากกับการเดินเที่ยว
สมาคมการท่องเที่ยวเมืองคานาซาวะยังจัดการแสดงของเกอิชาใน 3 ย่านสำนักเกอิชาในวันเสาร์ที่กำหนด คุณไม่ควรพลาด เวลามาเที่ยวที่นี่
SHIMA สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
Shima คือร้านน้ำชาที่สร้างขึ้นในปี 1820 พร้อมๆ กับเขตร้านน้ำชา Higashi Chaya ร้านน้ำชาแห่งนี้คือการก่อสร้างร้านน้ำชาที่ล้ำค่า ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ห้องรับรองแขก และห้องสำหรับนั่งรอบนชั้น 2 แบบไม่กั้นห้อง ลานเล็กๆ และส่วนอื่นๆ ของร้านคือสถานที่แห่งความบันเทิงและความสวยงาม มีการบริการน้ำชาเขียว (รสหวานแบบญี่ปุ่น) ที่บริเวณลาน
Teahouse Culture Hall ซึ่งจัดแสดงเครื่องดนตรีและอุปกรณ์พื้นเมืองของเกอิชา (ผู้ให้ความบันเทิงแบบพื้นเมืองของญี่ปุ่น เพศหญิง) เปิดให้เข้าชมบริเวณตรอกทางเดิน (1-13-7 Higashiyama โทร. 252 – 0887)
Kaikaro
Kaikaro คือร้านน้ำชาซึ่งได้รับการตกแต่งใหม่ เปิดให้บริการมากว่า 200 ปี ภายในของร้านรวมทั้งขั้นบันไดสีแดงขัดเงา เสื่อ tatami (เสื่อที่ทอจากฟางข้าว) ย้อมด้วยผลไม้ fusuma-e (ภาพวาดบนประตูเลื่อนที่ทำจากกระดาษ) ซึ่งวาดโดยช่างศิลปินร่วมสมัย และห้องน้ำชาแบบญี่ปุ่นพร้อมด้วยเสื่อ tatami ที่ทอจากฟางลูกไม้สีทอง ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างบรรยากาศของร้านน้ำชาในสมัยเก่าให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยความรู้สึกร่วมสมัย Kaikaro มีบริการน้ำชารอบๆ เตาไฟแบบหลุม มีร้านขายของที่ระลึก และมีการจัดห้องรับรองแขกสำหรับรับชมเกอิชาได้อีกด้วย
สวน Kenrokuen
สวนงดงามขึ้นชื่อใจกลางเมืองคานาซาวะ
สวนเคนโระคุเอ็นได้รับการชื่นชมให้เป็นหนึ่งใน 3 สวนที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น ถือเป็นสถานที่ที่คุณต้องมาให้ได้เมื่อมาเยือนคานาซาวะ ชื่อสวนหมายถึงสวนที่มี "คุณลักษณะ 6 อย่าง" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้สวนนี้งดงามจนน่าตกตะลึง คุณลักษณะทั้ง 6 ได้แก่ ความกว้างขวาง ความเงียบสงบ การสร้างสรรค์โดยมนุษย์ ความเก่าแก่โบราณ ทางน้ำและทัศนียภาพมุมกว้างสวนเคนโระคุเอ็น มีพื้นที่ 11.4 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บนที่สูงทางตอนกลางของเมืองคานาซาวะใกล้กับปราสาทคานาซาวะ ตระกูลมะเอดะซึ่งปกครองเขตคะงะ(อิชิคะวะและโทยามะในปัจจุบัน)ในยุคศักดินา ดูแลสวนแห่งนี้ต่อเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่น สวนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสวนของผู้ปกครองที่ดินระบบศักดินาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
หนึ่งในจุดที่น่าตื่นตะลึงที่สุดของสวนเคนโระคุเอ็นคือบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นชื่อ "คะสึมิกะอิเขะ" บริเวณกลางสระมีเกาะโฮไร เชื่อกันว่าบ่อน้ำเป็นสัญลักษณ์ของทะเล และเกาะโฮไรเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์กลางทะเล เป็นที่อยู่ของฤาษีอมตะผู้มีพลังวิเศษ บ่อน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการมีชีวิตยืนยาวและความรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุดของผู้ปกครองที่ดิน
นอกจากนี้ ยังมีจุดอื่นๆในสวนอีกมากที่คุณสามารถชื่นชมได้ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าดอกไม้ ต้นไม้ เช่น ดอกบ๊วยและดอกซากุระที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ดอกอาซาเลียและดอกไอริซในช่วงต้นฤดูร้อน และใบไม้สีแดงและเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงฤดูหนาว คุณจะได้ชื่นชมทิวทัศน์ที่ปกคลุมด้วยหิมะและยูคิสึริ(หมายถึงการขึงหิมะ) ยูขิสึริเป็นเทคนิคที่มีมาแต่อดีตใช้ป้องกันไม่ให้กิ่งต้นสนหักเนื่องจากหิมะที่ตกหนัก วิธีการ ใช้แท่งไม้ไผ่และเชือกตรึงกิ่งเอาไว้เป็นลักษณะทรงกรวย เกิดภาพที่มีเสน่ห์น่าประทับใจ
อุทยานปราสาทคานาซาวะ
หนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของคานาซาวะ
ปราสาทคานาซาวะในอดีตเป็นที่พำนักของตระกูลมะเอดะ ผู้ปกครองเขตคะงะ(อิชิคะวะ โทยามะ ในปัจจุบัน) มาเป็นเวลากว่า 280 ปี ปราสาทคานาซาวะถือเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง
ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน หลายส่วนของปราสาทคานาซาวะ อาทิ ตัวหอปราสาทเดิม ได้ถูกทำลายเสียหายจากเพลิงไหม้ใหญ่ 2 ครั้ง และหลายส่วนได้ทำการสร้างขึ้นใหม่ ส่วนของปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด มี 2 ส่วนได้แก่ ประตูอิชิคะวะมง สร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1788 และซังจิกเคน นะงะยะ สร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1858 ทั้งสองที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
สมัยที่ตระกูลมะเอดะปกครองเมือง ปราสาทคานาซาวะล้อมรอบด้วยคูเมือง ที่กำแพงด้านนอกเจาะรูไว้สำหรับสอดปืนไฟ ทำหน้าที่เป็นป้อมช่วยป้องกันภัยจากศัตรูที่จะเข้ามารุกราน กระเบื้องขาวสวยงามที่ใช้ประดับหลังคาทำมาจากตะกั่วที่ผ่านลมและฝนมา ส่วนกำแพงโบกปูนสีขาวและติดกระเบื้องแบนเอาไว้ กำแพงหินตามจุดต่างๆ ของปราสาทมีหลากหลายชนิด เป็นหลักฐานชี้ว่ากำแพงแต่ละส่วนสร้างต่างช่วงเวลากัน กำแพงหินส่วนที่เก่าแก่ที่สุดพบว่าสร้างขึ้นมาแล้วกว่า 400 ปี
ปราสาทคานาซาวะและอุทยานปราสาทก่อนบูรณะ ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งฐานกำลังกองทัพบกของญี่ปุ่น ที่ตั้งวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยคานาซาวะ ในปีค.ศ.2008 ได้กำหนดให้เป็นเขตประวัติศาสตร์แห่งชาติ
ฮิชิ ยะกุระ, โกะจิกเคน นะงะยะ และฮะชิสึเมะมง ซึสุกิ ยะกุระ (ป้อมและโรงเก็บของ)
ทั้ง 3 อาคารสร้างขึ้นใหม่โดยจำลองสภาพเดิมเมื่อ 125 กว่าปีก่อน ฮิชิ ยะกุระสร้างเป็นหอทรงเพชร โกะจิกเคน นะงะยะ เป็นโรงเก็บของยาว 80 เมตรและฮะชิสึเมะมง ซึสุกิ ยะกุระ เป็นหอที่ออกแบบเพื่อปกป้องประตูที่อยู่ใกล้เคียง ตัวอาคารสร้างตามวิธีแบบดั้งเดิมสะท้อนภาพในอดีตของคานาซาวะ
สวนเกียวคุเซ็นอินมารุ
เมื่อปีค.ศ.1634 ผู้ปกครองที่ดินลำดับที่ 3 ตระกูลมะเอดะเริ่มก่อสร้างสวนแห่งนี้ แม้ว่าปลายยุคศักดินาสวนจะถูกทำลาย แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ. 2015 หากคุณมาเที่ยวสวนแห่งนี้ช่วงหลังพระอาทิตย์ตก คุณจะได้ชื่นชมการประดับไฟอันน่าประทับใจ
สวนตระกูล Nishida (สวน Gyokusen-en)
Wakita Naokata ขุนนางในกลุ่ม Kaga ริเริ่มการออกแบบและสร้างสวนในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 และ 4 รุ่น ได้ทำหน้าที่ในการจัดสวน Naokata นั้นเกิดที่ประเทศเกาหลี ด้วยโชคชะตาจึงได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูล Maeda ประเทศญี่ปุ่น มีพืชจำนวนมากอยู่ภายในสวน รวมถึงต้นสน Korean Pentaphylla ขนาดใหญ่ที่ Naokata และบิดาของเขาได้ดูแลหลังจากได้รับเมล็ดพันธุ์จากประเทศเกาหลี ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินไปกับชาเขียวแบบผง และจองเพื่อสัมผัสประสบการณ์พิธีชงชาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 21 คานาซาวะ
ศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยของคานาซาวะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่21 คานาซาวะเปิดให้เข้าชมเมื่อปีค.ศ.2004 พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้มีความโดดเด่นต่างกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะในอดีตที่ผ่านมา อาคารดีไซน์ลักษระกลมแบน ลักษณะคล้ายยูเอฟโอ มาลงจอดที่กลางเมืองคานาซาวะ กำแพงอาคารบุด้วยกระจกทั้งหมด มีประตู 5 บานที่หันหน้าไปยังส่วนต่างๆ ของเมือง
ภายในพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยแนวทดลองให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสและเข้าไปนั่งที่ตัวงานได้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่สนุกไปกับงานได้ นอกจากนี้ ยังมีงานที่น่าสนใจโดยออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร
ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่21 คุณจะได้พบประสบการณ์แตกต่างที่ไม่สามารถเจอได้ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น "สระว่ายน้ำ" ผลงานของเรอันโดร เออริช ที่ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนตนเองไปยืนที่ก้นสระ หรือกำแพงที่ตกแต่งด้วยเหล่าดอกไม้ที่เก็บมาจากชานเมืองคานาซาวะ
นอกจากนี้ ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ยังมีสินค้าหลากหลาย เช่น ของที่ระลึกประจำพิพิธภัณฑ์ เครื่องประดับ รวมถึงสินค้าที่คัดสรรจากที่ต่างๆ
เขต Naga-machi Buke Yashiki
ย่านบ้านซามูไรใจกลางเมืองคานาซาวะที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ได้อย่างน่าทึ่ง
คานาซาวะเป็นเมืองศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการปกครองของเขตคะงะ(จังหวัดอิชิคะวะในยุคศักดินา) สมัยเอโดะ คานาซาวะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชากรเพิ่มขึ้นจนมีมากกว่า 100,000 คน ถือเป็นหนึ่งในเมืองปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคศักดินา จำนวนประชากรของเมืองเทียบได้กับกรุงโรมและมาดริดในสมัยนั้น
ใจกลางเมือง มีปราสาท ออกแบบโดยคำนึงถึงด้านการป้องกันเมืองและด้านเศรษฐกิจ โดยพื้นฐานให้ชนชั้นสูงอาศัยอยู่ใกล้กับผู้ปกครองที่ดิน(ไดเมียว) และให้คนทั่วไปอาศัยอยู่แถบชานเมือง
เขตนางามะชิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เป็นแหล่งที่พักอาศัยของซามูไรชั้นกลางและชั้นสูง บางครั้งจึงเรียกว่าเป็นย่านบ้านซามูไร นางามะชิ ตามตัวอักษร หมายถึง "เมืองที่มีขนาดยาว" อย่างไรก็ดี ชื่อนี้น่าจะมาจากนามสกุลของตระกูลท้องถิ่นชื่อ "โช" หมายถึงยาว ตัวอักษร "โช" นี้สามารถอ่านว่า "นางา" ได้เช่นเดียวกัน
เขตนางามะชิ เป็นย่านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในแง่ที่ยังคงรักษาสภาพในอดีตไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเกิดระเบิดทำให้เกิดเพลิงใหม้เป็นวงกว้าง เมืองใหญ่อย่าง โตเกียว โอซาก้าได้รับความเสียหาย แต่ย่านนางามะชิสามารถรอดพ้นจากเพลิงไหม้นั้นมาได้ ทำให้ยังคงสภาพบ้านเมืองสมัยเอโดะเอาไว้ได้อย่างมาก เช่น ทางเดินแคบๆ ระบบการระบายน้ำและการส่งน้ำในเมือง บ้านพักซามูไรในพื้นที่ยังได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกด้วย
ปัจจุบัน บ้านจำนวนมากยังคงกำแพงดิน(สึชิ คะเบะ)เอาไว้ ในฤดูหนาวเอาแผงฟางข้าวเข้ามาคลุมไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กำแพงเย็นจนแข็งตัวและแตกได้ เขตนางามะชิยังคงบรรยากาศบ้านเมืองสมัยสมัยเอโดะเอาไว้ เวลาคุณเดินเที่ยวย่านนี้ คุณจะได้สัมผัสมรดกทางประวัติศาสตร์ของคานาซาวะและของญี่ปุ่นไปด้วย
บ้านซามูไรตระกูลโนมุระ
ซากปรักหักพังของตระกูล Nomura ก็เปิดสู่สาธารณะ ตระกูลมีการบริหารสืบเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายใต้การปกครองของตระกูล Maeda เพดานในบ้านทั้งหมดทำจากต้น Cypress ญี่ปุ่น และ Fusuma-e (ภาพวาดบนแผงประตูเลื่อน) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจิตรกรประจำของตระกูล Maeda ภายในสวนมีต้น Bayberry ญี่ปุ่นอายุกว่า 400 ปี และลำธารคดเคี้ยว รอบล้อมด้วยหินโบราณรูปร่างประหลาด